8 สิ่งควรรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์

เมื่อไรควรเปลี่ยนแบตเตอรี่และวิธีเลือกแบตเตอรี่อย่างไรให้เหมาะสมกับรถ

เมื่อไรควรเปลี่ยนแบตเตอรี่และวิธีเลือกแบตเตอรี่อย่างไรให้เหมาะสมกับรถ

เรื่องง่ายๆ ที่ไม่จำเป็นต้องรอจนกว่ารถจะสตาร์ทไม่ติดเพราะแบตเตอรี่เสื่อม ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่วุ่นวาย เสียเวลา และน่าหงุดหงิดอย่างมาก คงไม่สนุกแน่ถ้ารถคันเก่งเกิดสตาร์ทไม่ติดโดยที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้า และเดาได้เลยว่าชีวิตวันนั้นจะพังและวุ่นวายเพียงใด โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่ตามมาแบบคาดไม่ถึงเพียงเพราะแบตเตอรี่ลูกเดียวเท่านั้น แต่ปัญหาทุกอย่างนั้นหลีกเลี่ยงได้ด้วยเคล็ดลับในการเลือกและดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ เบื้องต้นแบบง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณใช้รถได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องคอยวุ่นวายกับปัญหาแบตเตอรี่

8 สิ่งควรรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ 

1. ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่เสื่อมจนสตาร์ทไม่ติด

ควรเอาใจใส่และเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องรอ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบเปียก (มีช่องกลม ๆ ไว้เปิดเติมน้ำกลั่นได้เอง) หรือแบบกึ่งแห้ง (ส่วนใหญ่จะถูกซีลปิดไว้ไม่เห็นช่องเติมน้ำกลั่น) มักจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยไม่เกิน 2-3 ปี หากเป็นแบตเตอรี่แบบแห้งที่มีราคาสูงมากจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แต่ควรตรวจสอบตามสภาพการใช้งานและการดูแลรักษา โดยทุกครั้งที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ร้านค้าจะทำสัญลักษณ์ไว้ที่แบตเตอรี่เพื่อระบุระยะเวลาเริ่มการรับประกัน

2. ตรวจสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ

แบตเตอรี่รถยนต์บางประเภทอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแล แต่ควรตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำอย่างน้อยทุก ๆ สองปี โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของไทย ที่ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว หากรถเริ่มมีอาการสตาร์ทเอื่อย ๆ หรือระบบไฟทั้งหมดให้ความสว่างน้อยลง แบตเตอรี่อาจมีกำลังไฟน้อย ควรตรวจสอบโดยด่วน

3. เลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดพอดีกับรถ

เมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่โดยเฉพาะเมื่อให้ร้านนำมาเปลี่ยนให้ ควรแน่ใจว่าแบตเตอรี่ใหม่มีขนาดที่ถูกต้องและสามารถวางได้พอดีกับฐานแบตเตอรี่รถของคุณ โดยดูจากคู่มือประจำรถหรือสอบถามจากร้านที่จำหน่าย

4. เลือกความจุแบตเตอรี่ให้เหมาะสม

ถ้าเป็นรถเดิมตามสเปคจากโรงงาน สามารถยึดตามของเดิมได้เลย และไม่ควรลดขนาดความจุของแบตเตอรี่ลงเด็ดขาด เพราะผู้ผลิตรถยนต์คำนวณแอมป์ที่เหมาะสมไว้แล้ว หากต้องการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม ควรเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมป์สูงขึ้นตามความเหมาะสม

5. เลือกแบตเตอรี่ที่ให้กำลังสตาร์ทเพียงพอ

กำลังสตาร์ทถูกระบุด้วยค่า CCA (Cold-Cranking Amps) ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการจ่ายไฟเพื่อให้มอเตอร์สตาร์ทดึงไฟไปใช้อย่างเพียงพอ สำหรับเครื่องยนต์แต่ละขนาดต้องการค่า CCA ที่ไม่เท่ากัน ควรตรวจสอบค่า CCA ให้ตรงตามผู้ผลิตรถยนต์กำหนด

6. เลือกแบตเตอรี่ที่ผลิตใหม่เสมอ

ควรเลือกแบตเตอรี่ที่ผลิตไว้ไม่เกิน 6 เดือน เพื่อให้ได้แบตเตอรี่ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด รหัสผลิตจะระบุวัน/เดือน/ปี ที่ผลิต ควรหลีกเลี่ยงแบตเตอรี่ที่เก็บไว้นานเพราะจะมีความชื้นในตะกั่วเยอะ ชาร์จไฟยาก



7. รีไซเคิลแบตเตอรี่เก่า

นำแบตเตอรี่เก่าไปเทิร์นที่ร้านค้าสำหรับส่วนลด

8. เปรียบเทียบการรับประกัน

ตรวจสอบระยะเวลารับประกันและเงื่อนไขต่าง ๆ ของแบตเตอรี่ที่ซื้อ

บริการซ่อมรถนอกสถานที่24ชั่วโมง

ติดต่อโทร : 094-8619595 , 061-4152978

Line ID :@24carfix

วิธีการใช้บริการ 24Carfix

1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน 24Carfix ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android

2. ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ: ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบเพื่อใช้บริการ

3. เรียกช่างซ่อมรถ: เลือกบริการื่ต้องการและระบุปัญหาที่พบเจอ จากนั้นกดเรียกช่าง

4. รอช่างมาถึงที่: ช่างจะมาถึงที่ภายในเวลาอันรวดเร็ว และดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ท่านทันที

ติดตามอัปเดตข่าวสาร 24 Carfix ซ่อมรถถึงที่ 24 ชม.

#แบตเตอรี่รถยนต์#แบตเตอรี่เสื่อม#ระบบไฟฟ้ารถยนต์#แบตเตอรี่#ไดชาร์จ#ไดสตาร์ท#อู่ซ่อมแบตเตอรี่รถยนต์#เปลี่ยนแบตเตอรี่#ร้านแบตใกล้ฉัน#จั๊มแบตรถยนต์

ไว้ใจ มั่นใจ ให้เราบริการ

ด้วยทีมงานคุณภาพที่พร้อมจะซัพพอร์ตคุณ ได้ 24 ชั่วโมง
เพราะเราคือ 24CARFIX