รถเสียสตาร์ทไม่ติดต้องใช้รถยกหรือรถลาก?
เมื่อรถสตาร์ทไม่ติด หรือประสบอุบัติเหตุจนไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้เอง การเรียกรถยกหรือรถลากจึงเป็นทางเลือกที่จำเป็น แต่หลายคนยังสงสัยว่าควรใช้บริการแบบไหนดี? รถลากจูง หรือรถยก (Slide On) แบบไหนเหมาะสมกับรถของคุณ?
ความแตกต่างระหว่างรถลากจูงกับรถยก
- รถลากจูง: เหมาะสำหรับรถที่ขับเคลื่อน 2 ล้อ โดยใช้ตะขอลากใต้ท้องรถ เคลื่อนย้ายระยะใกล้ ราคาถูกกว่า เหมาะกับกรณีเสียเล็กน้อยหรือสตาร์ทไม่ติด
- รถยก/รถสไลด์ (Slide On): ยกรถทั้งคันขึ้นรถบรรทุก ปลอดภัยต่อช่วงล่าง เหมาะกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ รถโหลดเตี้ย หรือรถเกิดอุบัติเหตุหนัก
ข้อควรรู้ก่อนเรียกรถยกหรือรถลาก
1. เปิดไฟฉุกเฉิน และตั้งป้ายสามเหลี่ยมเตือน
เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขณะรอความช่วยเหลือ
2. ตรวจสอบประกันภัยรถยนต์
ดูว่ากรมธรรม์ครอบคลุมค่าบริการหรือไม่ โดยเฉพาะประกันชั้น 1 มักมีบริการนี้รวมอยู่
3. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โทรแจ้งตำแหน่งให้แม่นยำ และเตรียมข้อมูลยี่ห้อ รุ่น สี เพื่อความรวดเร็ว
4. ถ่ายภาพความเสียหายและเอาทรัพย์สินออกจากรถ
ใช้เป็นหลักฐานเมื่อยื่นเคลม และป้องกันของหาย
5. ปลดเบรกมือ และตั้งเกียร์ว่าง
ลดแรงเสียดทานขณะลาก และควรแจ้งตำแหน่งรถกับช่างเพื่อเตรียมอุปกรณ์ให้เหมาะสม
ข้อเสียของการใช้บริการรถลากและรถสไลด์
- รถลากจูง: หากไม่ปลดเบรกมือหรือรถเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อาจทำให้ช่วงล่างหรือเกียร์เสียหาย
- รถยก/Slide On: ปลอดภัยกว่าแต่ราคาสูง และใช้เวลาในการเคลื่อนย้ายมากขึ้น
ประกันภัยครอบคลุมหรือไม่?
หากคุณมีประกันภัยชั้น 1 มักมีบริการรถยก/รถลากรวมไว้ แต่ต้องตรวจสอบเงื่อนไข เช่น วงเงินและระยะทางที่ครอบคลุม หากใช้บริการเกินอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ควรเช็กเงื่อนไขก่อนเสมอ
