ขั้นตอนแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ ทำอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ขั้นตอนแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ ทำอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎหมาย
การเปลี่ยนสีรถยนต์ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญของตัวรถที่ต้องแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบก ภายใน 7 วันหลังจากดำเนินการเสร็จ หากละเลย อาจมีโทษปรับตามกฎหมาย ดังนั้นเจ้าของรถควรเตรียมเอกสารให้พร้อมและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง
เอกสารที่ต้องใช้แจ้งเปลี่ยนสีรถ
- เล่มทะเบียนรถ (คู่มือจดทะเบียน)
- ใช้เพื่อยืนยันกรรมสิทธิ์และรายละเอียดของรถคันนั้น
- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
- ต้องถ่ายสำเนาให้ชัดเจนและลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง
- หลักฐานการเปลี่ยนสีรถ
- เช่น ใบเสร็จจากอู่ทำสี หรือใบกำกับภาษีที่แสดงวันที่และรายละเอียดของการเปลี่ยนสี
หากรถยังติดไฟแนนซ์ ผู้ครอบครองต้องนำหนังสือยินยอมจากสถาบันการเงินแนบด้วย
ขั้นตอนการแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์
1. ยื่นคำขอแจ้งเปลี่ยนสีรถ
ไปยังสำนักงานขนส่งที่รถจดทะเบียนไว้ พร้อมเอกสารข้างต้น เพื่อยื่นเรื่องและแจ้งเหตุผลในการเปลี่ยนสี
2. นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ
เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบสีใหม่ของรถ เพื่อยืนยันว่าตรงตามที่แจ้งไว้ หากผ่านการตรวจสอบ จะได้รับใบรับรอง
3. ชำระค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมในการแจ้งเปลี่ยนสีรถจะอยู่ที่ประมาณ 50 บาท (ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับระเบียบล่าสุดของกรมการขนส่ง)
4. รับเล่มทะเบียนรถคืน
เจ้าหน้าที่จะทำการอัปเดตข้อมูลในเล่มทะเบียนรถให้เป็นปัจจุบัน และมอบคืนให้เจ้าของรถ
ข้อควรรู้เพิ่มเติม
- ต้องดำเนินการแจ้งภายใน 7 วันหลังจากทำสีใหม่
- หากเกินกำหนด อาจถูกปรับสูงสุดถึง 2,000 บาท
- หากมีการเปลี่ยนเฉดสีบางส่วน เช่น ฝากระโปรงหรือหลังคา ควรสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าจำเป็นต้องแจ้งเปลี่ยนหรือไม่
- การเปลี่ยนสีรถยนต์แล้วไม่แจ้ง อาจมีผลต่อการต่อทะเบียน, การขอสินเชื่อ, หรือการแจ้งเคลมประกันในอนาคต
สรุป
การแจ้งเปลี่ยนสีรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก หากเตรียมเอกสารให้พร้อมและดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานรถได้โดยไม่มีปัญหาทางกฎหมายในภายหลัง
