ไส้กรองแอร์รถยนต์ ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่
ไส้กรองแอร์ หรือ Cabin Air Filter คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่กรองอากาศภายในห้องโดยสาร ดักจับฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ เศษใบไม้ ควันเสีย รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ก่อนที่อากาศจะถูกเป่าเข้าสู่ห้องโดยสาร ผ่านระบบแอร์ของรถ ทำให้ผู้โดยสารได้สูดอากาศที่สะอาด ลดความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจและภูมิแพ้
โดยทั่วไป ควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุก 15,000–20,000 กิโลเมตร หรือประมาณทุก 6 เดือน หากใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ฝุ่นเยอะ เช่น ถนนลูกรัง ใกล้ไซต์ก่อสร้าง หรือในเมืองที่มีมลพิษสูง แนะนำให้เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และลดการสะสมของเชื้อโรค

สัญญาณที่บอกว่าไส้กรองแอร์ควรเปลี่ยน
- แอร์มีกลิ่นอับ ชื้น หรือกลิ่นเหม็น
- ลมแอร์อ่อนแม้จะเปิดระดับสูง
- ฝุ่นสะสมในช่องแอร์หรือห้องโดยสาร
- คนในรถมีอาการคัดจมูก จาม หรือแพ้ง่ายกว่าปกติ
ถ้าไม่เปลี่ยนไส้กรองแอร์จะเกิดอะไรขึ้น?
- ระบบแอร์อุดตัน: ฝุ่นที่สะสมมากจะทำให้อากาศผ่านได้น้อยลง ทำให้แอร์ไม่เย็น
- เมือกสะสมในคอยล์เย็น: ความชื้นรวมกับฝุ่นจะกลายเป็นเมือกเหนียว ส่งผลให้คอยล์รั่ว
- แหล่งเพาะเชื้อโรค: เกิดแบคทีเรีย เชื้อรา ทำให้ภายในรถมีกลิ่นเหม็นอับและไม่ปลอดภัย
- อันตรายต่อสุขภาพ: โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้

วิธีเปลี่ยนไส้กรองแอร์ด้วยตัวเอง
- เปิดเก๊ะฝั่งคนนั่งด้านหน้า ดึงออกตามจุดล็อก
- เปิดฝาครอบไส้กรองแอร์ แล้วดึงตัวกรองเก่าออก
- ใส่ไส้กรองแอร์ใหม่โดยหันด้านลูกศรให้ถูกทิศ (Air Flow)
- ปิดฝาครอบ และใส่เก๊ะกลับเข้าที่
แนะนำให้ใช้ไส้กรองคุณภาพดี เช่น แบบคาร์บอนหรือ HEPA เพื่อกรองฝุ่นละเอียดและกลิ่นได้ดีกว่า
เคล็ดลับดูแลไส้กรองแอร์ให้ใช้งานได้นาน
- หมั่นทำความสะอาดเดือนละครั้งด้วยการเป่าฝุ่น
- เลี่ยงจอดรถในที่ที่มีฝุ่นหรือควันเยอะ
- ปิดช่องแอร์เมื่อไม่ได้ใช้รถนาน ๆ เพื่อกันฝุ่นเข้า