การเข้าใจประเภทของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะแต่ละประเภทมีการใช้พลังงานและการใช้งานแตกต่างกัน
รถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนระหว่างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ถึง 10 พฤศจิกายน 2568 จะได้รับการลดภาษี 80% เช่น รถเก๋งที่ใช้น้ำมันไฟฟ้า 1,800 กิโลกรัมภาษีลดเหลือเพียง 320 บาท

ถึงแม้ราคาของรถ EV จะสูงกว่าเนื่องจากการผลิตและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง แต่รัฐบาลไทยมีนโยบายเงินอุดหนุนให้กับการซื้อรถ EV เช่น รถที่ใช้แบตเตอรี่ตั้งแต่ 10 kWh แต่ไม่เกิน 30 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 70,000 บาท และที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าจะได้รับอุดหนุนถึง 150,000 บาท
รู้จักการชาร์จที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ:

รถยนต์ไฟฟ้าไม่ควรขับลุยน้ำที่สูงเกินขอบประตู เนื่องจากอาจทำให้ระบบต่างๆ เสียหาย หากจำเป็นต้องขับผ่านน้ำท่วม ควรตรวจเช็กเบรกและนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบ
การวิ่งไกลของรถ EV ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่ เช่น ขนาด 60-90 kWh วิ่งได้ประมาณ 338-473 กม. สำหรับการเดินทางไกล ควรวางแผนเส้นทางและสถานีชาร์จให้ดีเพื่อไม่ให้รถหมดระหว่างทาง

ค่าพลังงานไฟฟ้าสำหรับการขับขี่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถานที่ชาร์จ เช่น การชาร์จที่บ้านราคาประมาณ 2.63 บาท/หน่วย ขณะที่การชาร์จที่สถานีสาธารณะอาจมีราคาสูงถึง 7.5 บาท/หน่วย
รถไฟฟ้า EV มีชิ้นส่วนที่น้อยกว่า ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำ แต่ค่าอะไหล่บางชิ้น เช่น แบตเตอรี่ อาจมีราคาสูง อย่างไรก็ตาม การบำรุงรักษามีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป
รถยนต์ไฟฟ้า EV ได้รับการออกแบบให้มีความปลอดภัยสูง โดยมีอุปกรณ์ป้องกันและระบบจัดการความปลอดภัยเช่น Crumple Zone ที่ช่วยกระจายแรงกระแทก ซึ่งจะช่วยปกป้องผู้โดยสารจากอุบัติเหตุได้ดี