แบตเตอรี่เสื่อมเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดในการทำให้รถสตาร์ทไม่ติด อาการเริ่มต้นที่สามารถสังเกตได้คือ รถสตาร์ทติดยากและมีเสียงดังแชะ ๆ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย เช่น อายุการใช้งานครบกำหนด การจอดรถทิ้งไว้นาน หรือการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดบ่อย ๆ การเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด หากต้องจอดรถนานควรชาร์จแบตเตอรี่สม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อรักษาสภาพของแบตเตอรี่ให้ดี หลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่อ่อนจนรถสตาร์ทไม่ติด
ใครชอบรอให้ไฟเตือนน้ำมันหมดขึ้นก่อนแล้วค่อยเติมต้องระวัง! เพราะน้ำมันหมด เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด คนใช้รถเป็นประจำควรสังเกตน้ำมันให้ดีว่า เมื่อไรถึงควรเติม ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเหลือก้นถังอยู่บ่อย ๆ จริงอยู่ว่า อาจพอใช้ขับต่อไปได้สัก 2-3 กิโลเมตร แต่ถ้าฝืนขับต่อไปเรื่อย ๆ จนเครื่องยนต์ดับแล้วล่ะก็ สตาร์ทอีกที คราวนี้ไม่ติดแน่นอน
ปั๊มติ๊กเป็นส่วนสำคัญที่อยู่ในถังน้ำมัน ทำหน้าที่ดูดน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ หากปั๊มติ๊กเสีย จะทำให้การดูดน้ำมันมีประสิทธิภาพลดลง ส่งผลให้รถสตาร์ทไม่ติด สาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสียส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมของผู้ใช้รถ เช่น การปล่อยให้น้ำมันในถังเหลือน้อยเกินไป ทำให้ปั๊มติ๊กดูดอากาศเข้ามาแทนน้ำมัน ซึ่งทำให้เสื่อมสภาพได้ง่าย การตรวจสอบระดับน้ำมันในถังอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันปัญหานี้
ไดชาร์จเสื่อมสภาพ ทำให้จ่ายไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่ไม่ได้ เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด โดยเราสามารถสังเกตอาการผิดปกติของตัวไดชาร์จง่าย ๆ เช่น สตาร์ทรถได้อยู่ แต่แอร์ไม่เย็น ไฟหน้าเริ่มหรี่ เวลาสตาร์ทรถมีเสียงลากยาวจนกว่าเครื่องยนต์จะติด เป็นต้น เจอแบบนี้สันนิษฐานเบื้องต้นไว้เลยว่า ไดชาร์จเริ่มมีปัญหา ต้องนำรถเข้าอู่ให้ช่าง หรือผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดีที่สุด
ต้องบอกก่อนว่า ไดสตาร์ทมีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน เราจึงมักพบสาเหตุนี้ในรถยนต์รุ่นเก่ามากกว่ารถรุ่นใหม่ ๆ ลองสังเกตถ้าสตาร์ทรถแล้วไฟหน้าปัดยังติดครบเป็นปกติ แต่มีเสียงแชะ ๆ หรือสตาร์ทรถไม่ติดเลย เป็นไปได้สูงว่าไดสตาร์ทกำลังมีปัญหา
ระบบไฟฟ้ามีปัญหา เกิดขึ้นได้น้อย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิด โดยมีสาเหตุมาจากหนูเข้ามากัดสายไฟขาด กล่อง ECU หรือกล่องควบคุมเครื่องยนต์มีปัญหา สังเกตได้จากเวลาสตาร์ทรถแล้ว ระบบไฟไม่ทำงาน พ่วงแบตรถคันอื่นก็แล้ว ไฟหน้าปัดก็ยังไม่ติด แบบนี้ต้องรีบส่งให้ช่างตรวจสอบระบบไฟภายในรถ
จอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ใช้งานเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน กลับมาใช้งานอีกที ย่อมเจอปัญหารถสตาร์ทไม่ติด ดังนั้นถ้าต้องจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ควรหมั่นชาร์จแบตเตอรี่อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือสตาร์ทรถทิ้งไว้สัก 10 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จะช่วยป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมได้
1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน 24Carfix ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android
2. ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ: ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบเพื่อใช้บริการ
3. เรียกช่างซ่อมรถ: เลือกบริการื่ต้องการและระบุปัญหาที่พบเจอ จากนั้นกดเรียกช่าง
4. รอช่างมาถึงที่: ช่างจะมาถึงที่ภายในเวลาอันรวดเร็ว และดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ท่านทันที
ติดตามอัปเดตข่าวสาร 24 Carfix ซ่อมรถถึงที่ 24 ชม.
#ช่วงล่าง#เครื่องยนต์รถเสีย#อู่รถยนต์ใกล้ฉัน#ช่วงล่างรถยนต์#เปลี่ยนหัวเทียน#ท่อไอเสีย#ควันดำ #ควันขาว#เปลี่ยนหัวฉีด#ซ่อมระบบไฟ#ซ่อมรถนอกสถานที่#คลัชหมด#คลัชลื่น#คลัทช์จม#หม้อน้ำรั่ว#สายพานขาด#ช่างซ่อมรถที่บ้าน#ช่างซ่อมรถข้างทาง#เบรครั่ว#เบรคติด