วิธีเช็ครถหลังโดนน้ำท่วม ต้องดูอะไรบ้าง? (รวมเช็คลิสต์ที่เจ้าของรถต้องรู้)

1. เช็กระดับน้ำในห้องเครื่อง

สิ่งแรกที่ต้องทำคือเปิดฝากระโปรงดูว่ามีน้ำหรือคราบน้ำในห้องเครื่องหรือไม่ ถ้าเห็นน้ำขังหรือมีคราบเปียกบนชิ้นส่วนต่างๆ ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิด "วอเตอร์แฮมเมอร์" (Water Hammer) คือน้ำถูกดูดเข้าห้องเผาไหม้ ทำให้เครื่องยนต์พังได้ทันที

วิธีแก้: ให้ระบายน้ำออกก่อน แล้วเช็ดชิ้นส่วนให้แห้ง หรือปล่อยให้แห้งเองประมาณ 24-48 ชั่วโมงก่อนลองสตาร์ท

2. ตรวจเช็กน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์

น้ำท่วมอาจทำให้น้ำซึมเข้าไปผสมกับน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์ได้ ซึ่งจะทำให้สมรรถนะลดลงและเกิดความเสียหายระยะยาว

วิธีเช็ก:

  • ดึงแท่งวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมาดู ถ้าน้ำมันมีสีขุ่น คล้ายน้ำนม หรือมีฟองอากาศ แปลว่ามีน้ำปนอยู่
  • เช็กน้ำมันเกียร์แบบเดียวกัน ถ้าสีผิดปกติ ต้องเปลี่ยนทันที

วิธีแก้: เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ใหม่ทั้งหมด รวมถึงไส้กรองน้ำมันด้วย

3. เช็กแบตเตอรี่และระบบไฟ

รถลุยน้ำบ่อยหรือน้ำท่วมสูงจะทำให้ความชื้นเข้าสู่ระบบไฟฟ้า เซนเซอร์ต่างๆ หรือตัวแบตเตอรี่เอง ทำให้เกิดอาการ "รถสตาร์ทไม่ติดหลังน้ำท่วม" ได้

วิธีเช็ก:

  • ตรวจสภาพขั้วแบตเตอรี่ว่ามีคราบขาวหรือสนิมหรือไม่
  • ลองสตาร์ทรถดู ถ้าไฟสลัว หรือสตาร์ทไม่ติด อาจเป็นเพราะแบตอ่อนหรือระบบไฟชื้น
  • ตรวจปลั๊กไฟและสายไฟว่ามีคราบน้ำหรือไม่

วิธีแก้: ทำความสะอาดขั้วแบต เป่าความชื้นออกด้วยลมหรือไดร์เป่าผม หรือให้ช่างตรวจระบบไฟเพิ่มเติม

4. ดูระบบเบรกและช่วงล่าง

น้ำท่วมอาจทำให้ผ้าเบรกเปียก มีเสียงดังเวลาเบรก หรือเกิดสนิมในชิ้นส่วนช่วงล่าง เช่น แหนบเบรก ดิสก์เบรก และโช้คอัพ

วิธีเช็ก:

  • ลองเหยียบเบรกดู ถ้ามีเสียงดังหรือรู้สึกว่าห้ามล้อไม่แน่น อาจเป็นเพราะผ้าเบรกเปียก
  • มองดูใต้ท้องรถ ถ้ามีสนิมหรือโคลนเกาะเยอะ ควรทำความสะอาด

วิธีแก้: ขับรถช้าๆ และเบรกบ่อยๆ เพื่อให้ความร้อนช่วยระเหยความชื้น หากปัญหาไม่หาย ควรให้ช่างตรวจเช็ก

5. เช็กไส้กรองอากาศ

ไส้กรองอากาศเป็นชิ้นส่วนที่อ่อนไหวมาก ถ้าเปียกจากน้ำท่วมแล้วยังสตาร์ทรถ จะทำให้เครื่องยนต์ดูดน้ำเข้าไปและเกิดความเสียหายร้ายแรงได้

วิธีเช็ก:

  • เปิดกล่องไส้กรองอากาศดู ถ้าเปียกหรือเปื้อนโคลน ห้ามใช้ต่อ

วิธีแก้: เปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ทันที

6. ตรวจยางอะไหล่ ยางรถ และลมยาง

เมื่อรถลุยน้ำ ความร้อนของยางจะลดลงทันที ทำให้ลมยางหดตัว หรือยางอาจเสื่อมเร็วขึ้นจากการเสียดสีกับน้ำและโคลน

วิธีเช็ก:

  • วัดลมยางทุกเส้น รวมทั้งยางอะไหล่ด้วย
  • มองดูดอกยางว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่หรือไม่ เช่น หิน กรวด

วิธีแก้: เติมลมให้ครบตามมาตรฐาน และดึงสิ่งแปลกปลอมออก

7. ฟังเสียงเครื่องยนต์เมื่อสตาร์ทครั้งแรก

เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างแห้งแล้ว ให้ลองสตาร์ทรถและฟังเสียงเครื่อง

วิธีเช็ก:

  • ถ้ามีเสียงผิดปกติ เช่น กระตุก เร่งไม่ขึ้น หรือควันออกมาก แปลว่าเครื่องยนต์อาจมีปัญหา
  • ถ้าสตาร์ทไม่ติด ห้ามพยายามบังคับสตาร์ทซ้ำๆ เพราะจะทำให้แบตหมดและอาจเกิดความเสียหายเพิ่ม

วิธีแก้: หยุดใช้รถทันที และเรียกช่างมาตรวจสอบ

8. ตรวจดูใต้ท้องรถและท่อไอเสีย

น้ำท่วมอาจทำให้มีเศษดิน โคลน หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอุดตันในท่อไอเสีย ส่งผลให้รถเร่งไม่ขึ้นหรือควันดำ

วิธีเช็ก:

  • มองดูท่อไอเสียว่ามีสิ่งอุดตันหรือไม่
  • ลองเปิดเครื่องแล้วเดินไปดูท่อไอเสีย ถ้าควันออกไม่สม่ำเสมอหรือมีกลิ่นแปลก อาจมีปัญหา

วิธีแก้: ทำความสะอาดใต้ท้องรถและท่อไอเสีย

9. เช็กภายในรถและระบบแอร์

น้ำเข้ารถอาจทำให้เกิดกลิ่นอับ เชื้อรา หรือระบบแอร์มีปัญหา

วิธีเช็ก:

  • ลองเปิดแอร์ดู ถ้ามีกลิ่นเหม็นหรือแอร์เย็นไม่เท่าเดิม แปลว่าไส้กรองแอร์หรือระบบแอร์ชื้น
  • ตรวจพื้นรถและเบาะ ถ้าเปียกควรตากให้แห้ง

วิธีแก้: ทำความสะอาดภายในรถ เปลี่ยนไส้กรองแอร์ และอบโอโซนเพื่อกำจัดเชื้อราและกลิ่นอับ

10. หากไม่มั่นใจ ควรเรียกช่างซ่อมรถถึงที่

ถ้าคุณตรวจเช็กแล้วยังไม่แน่ใจหรือพบอาการผิดปกติ อย่าเสี่ยงขับต่อ เพราะอาจทำให้ความเสียหายรุนแรงขึ้น

บริการ ซ่อมรถนอกสถานที่ กำลังเป็นที่นิยม เพราะสะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องลากรถเข้าอู่ คุณสามารถค้นหาบริการเช่น:

  • "เรียกช่างซ่อมรถด่วน"
  • "ซ่อมรถถึงที่ 24 ชั่วโมง"
  • "รถเสียเรียกช่างใกล้ฉัน"
หรือใช้แอป 24CARFIX เรียกช่างมาเช็กอาการได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นงานเช็กเครื่อง เปลี่ยนแบต หรือซ่อมระบบไฟ

สรุป: เช็คลิสต์หลังรถโดนน้ำท่วม

✅ เช็กระดับน้ำในห้องเครื่อง – ห้ามสตาร์ทถ้ามีน้ำ

✅ ตรวจน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ – เปลี่ยนถ้ามีน้ำปน

✅ เช็กแบตและระบบไฟ – ทำความสะอาดขั้วแบต

✅ ดูระบบเบรกและช่วงล่าง – ฟังเสียงและมองหาสนิม

✅ เช็กไส้กรองอากาศ – เปลี่ยนถ้าเปียก

✅ ตรวจยางและลมยาง – เติมลมให้ครบ

✅ ฟังเสียงเครื่องเมื่อสตาร์ท – หยุดถ้ามีเสียงผิดปกติ

✅ ดูใต้ท้องรถและท่อไอเสีย – ทำความสะอาดสิ่งอุดตัน

✅ เช็กภายในรถและระบบแอร์ – อบโอโซนถ้ามีกลิ่นอับ

✅ ไม่มั่นใจ? เรียกช่างถึงที่ทันที

การดูแลรถหลังน้ำท่วมอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุรถและป้องกันความเสียหายที่ใหญ่กว่า หากต้องการความช่วยเหลือ สามารถเรียกช่างผ่านแอป 24CARFIX ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

หน้าแรกช่างซ่อมรถยนต์