น้ำมันเครื่องแต่ละชนิดต่างกันยังไง

น้ำมันเครื่อง หรือที่เรียกกันว่า Engine Lubricant ถือเป็น สารหล่อลื่นที่สำคัญที่สุด สำหรับการดูแลรักษาเครื่องยนต์ในรถยนต์ ด้วยบทบาทที่สำคัญในการช่วย หล่อลื่น และ ป้องกันการสึกหรอ ของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้อย่างยาวนาน

หลายคนอาจเคยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องกันอยู่แล้ว แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า น้ำมันเครื่องแต่ละชนิด ที่มีในตลาดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร และแบบไหนที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ? วันนี้ TZ (trainingzenter) จะพาคุณไปทำความรู้จักกับการเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ของคุณ

ประเภทของน้ำมันเครื่องที่ควรรู้

น้ำมันเครื่องสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่:

1. น้ำมันเครื่องเกรดเดี่ยว (Mono Grade)

  • ลักษณะ: น้ำมันเครื่องเกรดเดี่ยวมีค่าความหนืดที่กำหนดใน อุณหภูมิเดียว เช่น SAE 50 หรือ SAE 40
  • การใช้งาน: เหมาะกับรถยนต์ รุ่นเก่า หรือ รถที่ใช้งานในอุณหภูมิที่สม่ำเสมอ โดยเฉพาะใน สภาพอากาศร้อน เช่นประเทศไทย
  • ข้อดี: ราคาถูก
  • ข้อเสีย: มี อายุการใช้งานสั้น และไม่สามารถใช้งานในสภาพอากาศที่มีความผันผวน

2. น้ำมันเครื่องเกรดรวม (Multi-Grade)

  • ลักษณะ: น้ำมันเครื่องที่มีความสามารถในการ ปรับค่าความหนืด ได้ตามอุณหภูมิ เช่น SAE 20W50 หรือ API 15W40
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับ ใช้งานในทุกสภาพอุณหภูมิ ทำให้เป็นที่นิยมใน รถยนต์รุ่นใหม่ เนื่องจากสามารถให้การปกป้องเครื่องยนต์ได้ ทั่วถึง
  • ข้อดี: สามารถใช้งานได้ในทุกฤดูกาล ทำให้การหล่อลื่นและการปกป้องเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพ
  • ข้อเสีย: ราคาอาจสูงกว่าน้ำมันเครื่องเกรดเดี่ยวเล็กน้อย

3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Synthetic Oil)

  • ลักษณะ: ผลิตจากน้ำมันแร่ที่ผ่านกระบวนการทางปิโตรเลียม โดยมีคุณสมบัติพิเศษในการ ต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน และ ทนทานมากขึ้น
  • การใช้งาน: เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ต้องการ ประสิทธิภาพสูงสุด และใช้งานในสภาพอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
  • ข้อดี: มี อัตราการระเหยต่ำ และสามารถยืดระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้ ยาวนานขึ้น
  • ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง แต่คุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่ได้รับ



มาตรฐานและอักษรย่อที่ต้องรู้

อักษรย่อที่ปรากฏหน้าค่าความหนืดบนน้ำมันเครื่องนั้นมาจาก สถาบันที่รับรองคุณภาพ ซึ่งสำคัญในการเลือกน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ:

API (American Petroleum Institute)

สถาบันมาตรฐานน้ำมันในสหรัฐอเมริกา ซึ่งรับรองคุณภาพน้ำมันเครื่องที่ใช้ในรถยนต์ทุกประเภท

SAE (Society of Automotive Engineers)

สมาคมวิจัยและมาตรฐานเกี่ยวกับรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทดสอบและกำหนดมาตรฐานน้ำมันเครื่องให้เหมาะสมกับรถยนต์ในแต่ละสภาพการใช้งาน

ASTM (American Society for Testing and Materials)

การทดสอบน้ำมันเครื่องตามมาตรฐาน ASTM ช่วยให้แน่ใจว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้มีคุณสมบัติและการหล่อลื่นที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์

การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสม

การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมจะช่วยให้เครื่องยนต์ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งาน การใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะกับประเภทของรถยนต์และสภาพการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในระยะยาว การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะการใช้งานที่แนะนำจะช่วยป้องกันปัญหาเครื่องยนต์และทำให้รถยนต์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่น

บริการซ่อมรถนอกสถานที่24ชั่วโมง

ติดต่อโทร : 061-4152978

Line ID :@24carfix

วิธีการใช้บริการ 24Carfix

1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน 24Carfix ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android

2. ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ: ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบเพื่อใช้บริการ

3. เรียกช่างซ่อมรถ: เลือกบริการื่ต้องการและระบุปัญหาที่พบเจอ จากนั้นกดเรียกช่าง

4. รอช่างมาถึงที่: ช่างจะมาถึงที่ภายในเวลาอันรวดเร็ว และดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ท่านทันที

ติดตามอัปเดตข่าวสาร 24 Carfix ซ่อมรถถึงที่ 24 ชม.

เรียกช่างด่วน 24 ชม.

#อาการน้ำมันเครื่องรถยนต์พร่อง#น้ำมันเครื่องรถยนต์หาย#น้ำมันเครื่องรถยนต์รั่ว#น้ำมันเครื่องรถยนต์ดำ#น้ำมันเครื่องรถยนต์เหนียว#ควันขาวออกจากท่อไอเสีย#เครื่องยนต์เสียง#รถสั่นขณะขับขี่ดัง#รถกินน้ำมัน#เครื่องยนต์ร้อนจัด

หน้าแรกช่างซ่อมรถยนต์