กุญแจรีโมท ทำให้โจรขโมยรถง่ายขึ้นจริงไหม ?

วิธีการขโมยรถที่ใช้กุญแจรีโมท

การขโมยแบบรีเลย์/รีเพลย์

  • วิธีนี้คือการใช้รีเลย์เพื่อขยายและจับสัญญาณของ กุญแจรีโมท โจรจะใช้เครื่องมือเพื่อเลียนแบบสัญญาณของรถ ทำให้รถเข้าใจว่ากุญแจอยู่ใกล้ เมื่อรถถูกปลดล็อคและสตาร์ทด้วยสัญญาณที่ถูกปลอมแปลง

การรบกวนสัญญาณ

  • การใช้แจมเมอร์เพื่อบล็อกการสื่อสารระหว่าง กุญแจรีโมท กับรถ ทำให้เกิดปัญหาในการปลดล็อคหรือสตาร์ทรถ โดยเหตุการณ์นี้มีการเกิดขึ้นบ่อยครั้งและเป็นข่าวรุนแรง เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลางวันในลานจอดรถ

ความนิยมในการใช้กุญแจรีโมท

แม้จะมีความเสี่ยงในการถูกขโมย กุญแจรีโมทรถยนต์ ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ขับขี่เนื่องจาก

ความสะดวกสบาย 

  • กดปุ่มเพื่อสตาร์ทรถ โดยไม่ต้องค้นหากุญแจ เหมาะสำหรับผู้ที่ถือของเยอะหรือมีเด็กเล็ก

ความปลอดภัย

  • ระบบล็อกอัตโนมัติทำให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นจากการโจรกรรมแบบดั้งเดิม

ความทันสมัย

  • ฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้รถยนต์ทุกวัน

ประเภทรถที่เสี่ยงต่อการขโมย

การขโมยรถ ที่ใช้กุญแจรีโมทยังมักเกิดขึ้นที่รถยนต์ประเภท

  • รถยนต์ 4 ที่นั่ง: เช่น Toyota Altis, Vios ซึ่งนิยมและเป็นเป้าหมายในการขโมยเพื่อขายต่อทั้งคันหรือตัดแยกส่วน
  • รถยนต์ 5 ประตู (Hatchback): เช่น Toyota Fortuner ที่ได้รับความนิยมในชีวิตประจำวัน
  • รถกระบะ/ปลิกอัพ: เช่น Toyota Vigo, Isuzu D-Max ที่ถูกโจรกรรมเนื่องเพราะความหลากหลายในการใช้งาน

วิธีปกป้องรถจากการถูกขโมย

เพื่อป้องกันรถจากการถูกขโมย สามารถทำตามวิธีดังต่อไปนี้

1. ล็อคพวงมาลัย

พวงมาลัยที่ล็อคจะทำให้โจรเข้าไปในรถได้ยากขึ้น

2. ติดตั้งสัญญาณกันขโมยและอุปกรณ์ติดตาม

เพิ่มการป้องกันด้วยติดตั้งระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ

3. วางกุญแจให้ห่างจากรถ

เก็บกุญแจรถห่างจากรถและ ตรวจสอบความสามารถในการปิดสัญญาณได้ของกุญแจ



4. ใช้กระเป๋าบล็อกสัญญาณ

ลดความเสี่ยงในการส่งสัญญาณของกุญแจรีโมทเมื่อไม่ได้ใช้งาน

5. เพิ่มวิธีรักษาความปลอดภัย

ติดตั้งอุปกรณ์ GPS หรือระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันการขโมยอย่างมีประสิทธิภาพ

การให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยอย่างจริงจังจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกขโมยรถที่ใช้ กุญแจรีโมท ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หน้าแรกช่างซ่อมรถยนต์