ทำความรู้จักกับระบบไฟฟ้ารถยนต์ | ส่วนประกอบหลักและการทำงาน
ขอบคุณคลิปวิดิโอจาก Singha Channel
แม้พลังงานหลักของรถยนต์จะมาจากน้ำมัน แต่ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ก็มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการทำงานของระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสตาร์ทเครื่องยนต์ การให้แสงสว่าง หรือการควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในรถ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักระบบไฟฟ้ารถยนต์อย่างละเอียด พร้อมคำแนะนำในการดูแลเบื้องต้น
พื้นฐานของระบบไฟฟ้ารถยนต์
ระบบไฟฟ้ารถยนต์ทำหน้าที่ส่งกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ไปยังอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้รถยนต์ทำงานได้ครบทุกฟังก์ชัน แบ่งออกเป็นหลายระบบย่อยที่สัมพันธ์กันทั้งหมด
ระบบไฟฟ้าหลักในรถยนต์
1. ระบบสตาร์ท (Starting System)
เมื่อบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON กระแสไฟจะส่งไปยังคอยล์จุดระเบิดเพื่อเตรียมสตาร์ทเครื่อง และเมื่อหมุนไปที่ตำแหน่ง START มอเตอร์สตาร์ทจะทำงานดึงฟลายวีล ทำให้เครื่องยนต์เริ่มทำงาน
2. ระบบไฟหรี่ ไฟท้าย และไฟป้ายทะเบียน
ใช้สำหรับให้สัญญาณหรือแสดงตำแหน่งของรถเมื่อเปิดไฟหรี่ในช่วงกลางคืน กระแสไฟจะไหลจากแบตเตอรี่ผ่านฟิวส์แล้วจ่ายไปยังหลอดไฟที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
3. ระบบไฟหน้า (Headlight System)
จำเป็นอย่างยิ่งในช่วงกลางคืนและฝนตก ประกอบด้วยไฟต่ำ ไฟสูง และบางรุ่นอาจมีไฟเดย์ไลท์ (Daytime Running Light) ควบคุมการจ่ายไฟผ่านรีเลย์เพื่อความเสถียร
4. ระบบไฟในห้องโดยสาร
ไฟภายในรถจะทำงานเมื่อมีการเปิดประตู หรือประตูปิดไม่สนิท โดยสวิตช์ประตูจะควบคุมการทำงานอัตโนมัติ
5. ไฟห้องเก็บสัมภาระ
ติดตั้งไว้ที่ห้องสัมภาระท้ายรถ (หรือห้องกระโปรงหน้าในรถ EV) ไฟจะติดเมื่อเปิดฝาครอบ เพื่อให้มองเห็นสิ่งของชัดเจนในที่มืด
ระบบไฟฟ้าอื่น ๆ ที่ควรรู้
- กระจกไฟฟ้า: ใช้สวิตช์ควบคุมมอเตอร์ยก-ลดกระจก
- เครื่องเสียงและหน้าจอสัมผัส: ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่โดยตรง
- ระบบเซ็นทรัลล็อก: สั่งล็อกหรือปลดล็อกรถผ่านสวิตช์หรือรีโมท
- เซ็นเซอร์ถอยหลัง กล้องมองหลัง: อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ไฟฟ้าต่อเนื่อง
เคล็ดลับการดูแลระบบไฟฟ้ารถยนต์
- หมั่นตรวจเช็กแบตเตอรี่และทำความสะอาดขั้วแบต
- ไม่ควรเปิดใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าขณะดับเครื่องยนต์
- ตรวจสอบฟิวส์และรีเลย์ทุก 6 เดือน
- หากพบปัญหาไฟไม่ติด หรือกระพริบผิดปกติ ควรเข้าตรวจสอบที่อู่หรือศูนย์บริการทันที
