ถ้าไม่นำรถเข้าเช็กระยะตามกำหนด จะเกิดอะไรขึ้น

ถ้าไม่นำรถเข้าเช็กระยะตามกำหนด จะเกิดอะไรขึ้น

ถ้ายังอยู่ในเงื่อนไขการรับประกันตามคู่มือ จำเป็นต้องนำรถเข้าเช็กระยะตามกำหนดครับ เพราะจะมีผลกับการรับประกัน ทำให้เกิดการขาดประกัน ถ้ามีการนำรถเข้าเช็กระยะตามกำหนด หากรถของคุณเกิดปัญหาเกี่ยวกับตัวรถ เช่น อาการเสื่อมสภาพ หรือเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน อื่นๆ ทางศูนย์บริการจะสามารถทำการเคลมให้ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่ถ้าเกิดก็จะแก้ไขได้ทัน จึงควรนำรถเข้าเช็กระยะตามคู่มือกำหนด

รถใหม่มีกำหนดการนำรถเข้าศูนย์เพื่อ เช็กระยะ ทุก ๆ 6 เดือน หรือ 10,000 กิโลเมตร จนครบกำหนด เช็กระยะ ตามคู่มือ คือ 100,000 กิโลเมตรครับ เมื่อนำรถเข้ารับบริการตามกำหนด ทางศูนย์บริการจะทำการตรวจเช็กสภาพรถ หากเกิดปัญหาอะไรจะได้รีบแก้ไขทันครับ และที่สำคัญคือการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ซึ่งเหตุผลที่ต้องกำหนดระยะเวลาควบคู่ไปกับระยะทาง เนื่องจากน้ำมันเครื่องมีอายุการใช้งาน นับตามระยะเวลาด้วยนั่นเอง

ทั้งนี้ในการเช็กระยะแต่ละครั้งนั้น ควรมีการตรวจสอบและทำการเปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด

สิ่งที่ต้องตรวจสอบมีดังต่อไปนี้

1. น้ำมันเครื่อง 

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าน้ำมันเครื่องต่าง ๆ ล้วนมีอายุการใช้งาน รถยนต์ที่เข้าเช็กระยะตามกำหนดจึงจำเป็นที่จะต้องตรวจเช็กหรือทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องด้วย ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะช่วยให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น ช่วยลดการสึกหรอและทำให้การหล่อลื่นของชิ้นส่วนต่างๆ ดีขึ้นครับ

2. เช็กไส้กรองระบบต่าง ๆ 

ไม่ว่าจะเป็นไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ ไส้กรองอากาศแอร์ ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งต่างก็มีกำหนดในการเปลี่ยน เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดการสิ้นเปลืองของน้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเองครับ

3. เช็กระดับของเหลวและการรั่วซึมของระบบต่าง ๆ 

ภายในเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่มีสีหรือกลิ่นที่ผิดปกติ และไม่เกิดการรั่วซึมตามท่อทางเดิน อันนำมาสู่ปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ที่อาจรุนแรงเกินจะแก้ไข ซึ่งของเหลวที่จำเป็นต้องตรวจเช็กได้แก่ น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย น้ำมันเบรก น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำยาหม้อน้ำ น้ำยาฉีดล้างกระจก เป็นต้น

4. เช็กยางปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก 

ว่ายังทำงานปกติ ไม่เสื่อมสภาพ เพราะธรรมชาติของยางปัดน้ำฝน แม้จะไม่ได้ใช้งาน แต่ก็ชำรุดและเสื่อมโทรมได้ เนื่องจากโดดแผดเผาจากรังสี UV ที่ร้อนแรงสุดๆ ของเมืองไทย จนทำให้เกิดขาดประสิทธิภาพในการทำงาน รีดน้ำบนกระจกได้ไม่ดี ส่งผลต่อทัศนวิศัยในการมองเห็นของคนขับได้ ฉะนั้นทางที่ดีควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนปีละ 1 ครั้ง พร้อมทั้งตรวจสอบการฉีดน้ำว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

5. เช็กระบบไฟส่องสว่าง 

ว่ายังใช้งานได้ดีไหม เพราะการทำงานของสัญญาณไฟต่าง ถ้ามีความพร้อมในการใช้งาน จะทำให้การขับขี่ราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้นครับ

6. เช็กสภาพของสายพานว่าไม่มีเสื่อมสภาพ 

สามารถใช้งานได้ดีหรือไม่ เนื่องจากสายพานก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่สามารถชำรุดได้ตามกาลเวลาหรือตามลักษณะการใช้งานนั่นเองครับ ถ้าหากเกิดเสื่อมสภาพก็จะส่งผลทำให้เกิดเสียงดังหรือขาดได้ จึงควรตรวจเช็กให้มีความตึงในระดับที่เหมาะสม พร้อมใช้งานครับ

7. เช็กแบตเตอรี่ 

ควรทำการตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ยังอยู่ในสภาพดี ถึงเวลาเปลี่ยนตามกำหนดหรือยัง และยังสตาร์ทรถได้ปกติไหม ถ้าไม่ ต้องรีบเปลี่ยนทันทีครับ

8. เช็กระบบเบรก 

โดยทั่วไปแล้วช่างจะทำการเช็กว่าเบรกยังอยู่ในสภาพดีไหม ความหนาของผ้าเบรกเหลือน้อยแล้วหรือยัง ซึ่งตามมาตรฐานแล้วผ้าเบรกควรเปลี่ยนเมื่อความหนาของผ้าเบรกอยู่ที่ 3 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่า ที่สำคัญควรเช็กรอยรั่วซึมของท่อทางน้ำมันเบรก ชิ้นส่วนยางต่างๆ และสภาพของจานเบรกที่ควรมีความหนาไม่น้อยกว่ามาตรฐานด้วยครับ

9. เช็กสภาพยาง 

ยางที่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่เหมาะสม ควรมีความลึกมากกว่า 3 มม. ไม่รั่วซึมหรือเกิดการสึกหรอใดๆ และควรปรับแรงดันลมยางตามมาตรฐานกำหนด หรือถ้าพบการสึกหรอของยางที่ผิดปกติควรรีบทำการปรับตั้งศูนยล้อครับ



10. ทำการสลับยางและถ่วงล้อทั้ง 4 ล้อ 

ซึ่งจะทำการสลับยางจากด้านหน้าไปไว้ด้านหลัง และปรับความสมดุลของล้อและยางด้วยการถ่วงล้อ วิธีนี้จะทำให้ยางแต่ละเส้นมีการสึกหรอที่ใกล้เคียงกัน ช่วยยืดอายุการใช้งาน อีกทั้งยังลดเสียงรบกวนของยางระหว่างการขับขี่ได้อีกด้วย

11. เช็กช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยว 

เพื่อให้รถสามารถทรงตัวได้ดี ทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจมากขึ้น โดยช่างจะทำการตรวจสอบการรั่วซึมและการทำงานของโช๊คอัพ การสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ เช่นลูกหมาก ลูกปืนล้อ ยางหุ้มเพลา เป็นต้น

เห็นไหมว่าการนำรถเข้าเช็กระยะตามกำหนด ส่งผลดีและทำให้คุณมั่นใจในประสิทธิภาพของรถยนต์และมั่นใจในการขับขี่มากขึ้น ทางที่ดีนำรถเข้าเช็กระยะตามที่คู่มือกำหนดจะดีที่สุด

บริการซ่อมรถนอกสถานที่24ชั่วโมง 

ติดต่อโทร : 094-8619595 , 061-4152978

Line ID :@24carfix

วิธีการใช้บริการ 24Carfix

1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน 24Carfix ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android

2. ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ: ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบเพื่อใช้บริการ

3. เรียกช่างซ่อมรถ: เลือกบริการื่ต้องการและระบุปัญหาที่พบเจอ จากนั้นกดเรียกช่าง

4. รอช่างมาถึงที่: ช่างจะมาถึงที่ภายในเวลาอันรวดเร็ว และดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ท่านทันที

ติดตามอัปเดตข่าวสาร 24 Carfix ซ่อมรถถึงที่ 24 ชม.

#ช่วงล่าง#เครื่องยนต์#รถเสีย#อู่รถยนต์ใกล้ฉัน#ช่วงล่างรถยนต์#เปลี่ยนหัวเทียน#ท่อน้ำมันรั่ว#น้ำมันไม่ขึ้น#หม้อน้ำ#เปลี่ยนหัวฉีด#ซ่อมระบบไฟ#ซ่อมรถนอกสถานที่#คลัชหมด#คลัชลื่น#คลัทช์จม#หม้อน้ำรั่ว#สายพานขาด#ช่างซ่อมรถที่บ้าน#ช่างซ่อมรถข้างทาง#เบรครั่ว#เบรคติด#ท่อไอเสีย