รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทางการขับขี่ที่จำกัดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งอยู่ระหว่าง 200-600 กม. ขึ้นอยู่กับรุ่นและขนาดของแบตเตอรี่ ในขณะที่รถยนต์พลังงานเชื้อเพลิงสามารถเติมน้ำมันได้อย่างรวดเร็วและเดินทางต่อได้ทันที ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าควรวางแผนการเดินทางให้ดี เช่น ตรวจสอบว่าเส้นทางที่จะไปนั้นมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรือไม่ และเลือกเส้นทางที่มีสถานีชาร์จอยู่ระหว่างทางเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่แบตเตอรี่หมดกลางทาง
การตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในระยะทางไกล อย่าลืมตรวจสอบระดับพลังงานที่เหลือทุกครั้งที่หยุดพัก แม้ในเมืองอาจไม่เป็นปัญหามาก แต่เมื่อขับขี่ทางไกลที่มีระยะเวลานาน หากแบตเตอรี่เหลือน้อยเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหาหรือไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงควรหมั่นตรวจสอบและคำนึงถึงการชาร์จเพิ่มเติมระหว่างทาง
สถานีชาร์จเป็นจุดสำคัญที่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งพลังงานหลักสำหรับการเติมพลังงานให้กับรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อขับขี่ระยะทางไกล ควรทำการตรวจสอบและจดจำสถานีชาร์จที่อยู่ตามเส้นทาง รวมถึงควรมีสถานีชาร์จสำรองในกรณีที่ตู้ชาร์จเสียหายหรือปิดให้บริการ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาความสะดวกในการเข้าถึงสถานีชาร์จด้วย
ความร้อนเป็นภัยร้ายแรงต่อแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดีในการเก็บและจ่ายพลังงาน แต่ไม่ทนต่อความร้อนเกินไป ความร้อนจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และอาจลดประสิทธิภาพการชาร์จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการชาร์จแบบเร็ว (DC Fast Charge) ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่รับพลังงานน้อยลงถึง 50% เพราะระบบควบคุมอุณหภูมิของแบตเตอรี่ทำงานหนักเกินไป
การขับรถด้วยความเร็วสูงจะช่วยให้ถึงที่หมายเร็วขึ้น แต่กับรถยนต์ไฟฟ้าต้องคำนึงถึงการใช้พลังงานและเวลาการชาร์จด้วย การเร่งความเร็วอาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนและกระบวนการชาร์จช้าลง โดยเฉพาะเมื่อใช้ระบบการชาร์จแบบ DC Fast Charge ที่รองรับได้เฉพาะเมื่อแบตเตอรี่มีอุณหภูมิที่เหมาะสม ดังนั้น ควรใช้คันเร่งอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาอายุการใช้งานแบตเตอรี่และลดเวลาในการชาร์จ
การขับรถยนต์ไฟฟ้าในอุณหภูมิสูงเกินไปสามารถส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ได้เช่นเดียวกับการชาร์จในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง เพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ควรหลีกเลี่ยงการขับในช่วงที่อากาศร้อนจัด และควรจอดรถในที่ร่มหรือที่มีการระบายอากาศที่ดี
1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน 24Carfix ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android
2. ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ: ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบเพื่อใช้บริการ
3. เรียกช่างซ่อมรถ: เลือกบริการื่ต้องการและระบุปัญหาที่พบเจอ จากนั้นกดเรียกช่าง
4. รอช่างมาถึงที่: ช่างจะมาถึงที่ภายในเวลาอันรวดเร็ว และดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ท่านทันที
ติดตามอัปเดตข่าวสาร 24 Carfix ซ่อมรถถึงที่ 24 ชม.