รวมถึงบางคนก็อาจจะยังไม่ทราบว่าจะต้องเริ่มตรวจเช็คจากจุดไหน ช่วงล่างรถยนต์ ตรวจเช็คยังไง แต่สิ่งที่เจ้าของรถยนต์สามารถทำได้ คือการสังเกตอาการของรถยนต์ที่จะบ่งบอกว่าช่วงล่างรถยนต์กำลังมีปัญหา เราจะแนะนำวิธีสังเกตอาการ ผิดปกติของช่วงล่างรถยนต์ ด้วยตัวคุณเอง
1. ลูกหมากช่วงล่าง ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งผลต่อระบบบังคับเลี้ยว ลูกหมากที่นิยมใช้มี 5 ประเภทดังนี้
2. โช๊คอัพรถยนต์ เป็นอีกชิ้นส่วนที่ช่วยในการควบคุมการยุบและยืดตัวของสปริงและแหนบ ช่วยให้รถรับแรงกระแทกและลดการสั่นสะเทือน ควรสังเกตเมื่อรถตกหลุมแล้วเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด
3. ชุดคันส่งช่วงล่าง เป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มความปลอดภัยในระบบเลี้ยว เช่น ลูกหมากแร็ค ลูกหมากกันโคลง แกนช่วยเลี้ยว ช่วยให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่ ซึ่งอาการที่สังเกตคือพวงมาลัยสั่นหรือหมุนยากขึ้น

1. เกิดเสียงดังเมื่อขับผ่านถนนขรุขระ
ในจังหวะที่ขับผ่านเนินชะลอความเร็วซึ่งอาจจะเป็นเนินเล็กๆ แล้วได้ยินเสียงกึกกักใต้ท้องรถ ถ้าเสียงเกิดขึ้นมาในจังหวะนี้เป็นไปได้ว่าเป็นเสียงที่เกิดจากความผิดปกติของบูชปีกนก
2. มีเสียงดังเวลาเบรค
ถ้าเวลาเบรคแล้วมีเสียงดังเอี๊ยด เหมือนเหล็กสีกัน ส่วนใหญ่เป็นเสียงเตือนว่าผ้าเบรคอยู่ในระดับที่ต่ำมากแล้ว ควรเปลี่ยนได้แล้ว แต่ถ้าเป็นเสียงดังครืด อาจเป็นไปได้ว่าผ้าเบรคและจานเบรคสกปรกซึ่งอาจเกิดจากฝุ่นที่มาจากผ้าเบรคนั่นเอง แต่ถ้าดังหลังจากที่ขับรถลุยน้ำมา นั่นเป็นเพราะผ้าเบรคเปียกน้ำ เมื่อขับไปสักพักเสียงก็จะหายไปเอง
3. เริ่มบังคับทิศทางยากขึ้น
ขับขี่ในทางตรงแล้วพวงมาลัยมีอาการเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แสดงว่าบูชปีกนกอาจจะมีปัญหา และถ้าขับขี่ในทางตรง แต่รู้สึกว่าล้อไม่ตรง ไม่สามารถควบคุมให้รถนิ่งได้ แสดงว่าลูกหมากแร๊คอาจจะมีปัญหา
4. เกิดเสียงดังเมื่อเลี้ยวหรือตกหลุม
เวลาที่เราขับรถด้วยความเร็วต่ำ ในจังหวะที่มีการหักเลี้ยวพวงมาลัย หรือในจังหวะที่ล้อตกหลุม หากได้ยินเสียงกึกๆ จากใต้ท้องด้านหน้าของรถ เป็นไปได้ว่าลูกหมากคันชัก-คันส่ง หรือลูกหมากปลายแร็ค (Rack and Pinion) หรือที่เรียกกันว่าไม้ตีกลองอาจจะหลวม และอีกจุดที่เป็นไปได้ก็คือ เพลาขับ หากยางหุ้มเพลาขาดเป็นเวลานานแล้วก็จะมีเสียงกุกกัก ได้เหมือนกัน

ชิ้นส่วนของช่วงล่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกหมากต่าง ๆ เช่น ลูกหมากปีกนก ลูกหมากแร็ค ลูกหมากกันโคลง ย่อมมีหน้าที่ในการทำงานของมัน รวมไปถึงอายุการใช้งาน ซึ่งเมื่อเริ่มจะเสื่อมสภาพ ก็จะแสดงอาการออกมา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประสิทธิภาพในการควบคุมที่ส่งผลไปถึงความรู้สึกของผู้ขับขี่ ซึ่งอาจรู้สึกได้ถึงความรู้สึกผิดปกติในการบังคับและควบคุมทิศทางรถ ต้องหมั่นดูแลและตรวจสอบการใช้งานตามระยะ รวมถึงสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นด้วย เพราะหากปล่อยให้อาการผิดปกติเกิดขึ้นโดยไม่ดูแล จนเกิดปัญหาชิ้นส่วนช่วงล่างเสื่อมสภาพ อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ โดยปกติแล้วเวลาที่ควรสังเกตและควรเปลี่ยนในระยะ 80,000-100,000 กม. แต่ทางที่ดีควรสังเกตชิ้นส่วนเหล่านี้เป็นประจำเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อรถยนต์และคนใช้รถ การเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนต่าง ๆ มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายอย่างรวมถึงสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ ควรตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆ ทุก 4-6 เดือน