ยางแตกลายงาที่ได้เวลาเปลี่ยนใหม่

1. ความลึกของรอยแตกลายงา

หากยางมีรอยแตกลายงาลึกจนเห็นโครงสร้างภายใน เช่นในบริเวณแก้มยางหรือหน้ายาง นั่นหมายความว่ามีความเสียหายที่อาจทำให้ยางเสื่อมสภาพและไม่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป ซึ่งอาจเป็นอันตรายมากเมื่อใช้ขับขี่

วิธีการแก้ไข

• เมื่อพบรอยแตกลายงาลึกหรือโครงสร้างยางเสียหาย ควรนำรถไปให้ช่างตรวจสอบและเปลี่ยนยางใหม่โดยเร็ว
• ไม่ควรใช้ยางที่มีความเสียหายเช่นนี้เพื่อความปลอดภัย

2. อายุของยาง

การเปลี่ยนยางรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 3 ปีหรือขับขี่มากกว่า 50,000 กิโลเมตรเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา เนื่องจากยางที่มีอายุการใช้งานยาวนานอาจเกิดการเสื่อมสภาพตามการใช้งาน

วิธีการแก้ไข

• หากยางของคุณมีอายุเกิน 3 ปีหรือขับขี่มากกว่า 50,000 กิโลเมตร ควรพิจารณาเปลี่ยนยางใหม่แม้ว่ายางยังไม่แสดงรอยแตกลายงา
• ให้ตรวจสอบสภาพของยางอย่างสม่ำเสมอเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

3. ความลึกของดอกยาง

ดอกยางที่มีความลึกน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตรถือว่าไม่สามารถใช้งานได้ตามมาตรฐานความปลอดภัย และเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่แล้ว

วิธีการแก้ไข

• ใช้เกจวัดความลึกของร่องดอกยางหรือเหรียญบาทเพื่อเช็คความลึกของดอกยาง
• หากความลึกของดอกยางน้อยกว่าครึ่งของเหรียญบาท แสดงว่าเป็นเวลาที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่

4. การดูแลรักษายาง

การดูแลรักษายางอย่างเหมาะสมเป็นวิธีการป้องกันไม่ให้ยางรถยนต์แตกลายงาหรือเสื่อมสภาพเร็วเกินไป

วิธีการแก้ไข

• หลีกเลี่ยงการจอดรถในที่ที่โดนแดดหรือความร้อนเกินไป
• ตรวจสอบสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ และเติมลมยางให้พอดี
• สลับยางทุก 10,000 กิโลเมตรเพื่อให้การสึกหรอของยางเท่ากัน

สรุป

การตรวจสอบและดูแลรักษายางรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและปลอดภัย หากพบยางมีรอยแตกลายงาหรือดอกยางสึกหรอถึงเกณฑ์ที่กำหนด ควรเปลี่ยนยางใหม่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ การสังเกตสภาพยางอย่างสม่ำเสมอและการทำตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การใช้งานยางของคุณปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ