4 เทคนิคถนอมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV ช่วยยืดอายุการใช้งาน
การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ไม่ควรมองข้าม เพราะแบตเตอรี่ถือเป็นส่วนประกอบหลักของรถยนต์ไฟฟ้าและเป็นตัวกำหนดระยะทางการขับขี่และประสิทธิภาพในการใช้งาน ดังนั้นเพื่อให้รถของคุณทำงานได้ดีและแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน นี่คือ 4 เทคนิคง่าย ๆ ในการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า:

1. อย่าให้แบตเตอรี่หมดไปจนถึง 0%
การใช้งานจนแบตเตอรี่เหลือ 0% ก่อนชาร์จใหม่เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ต้องทำงานหนักและมีความเสี่ยงที่จะแตกหรือเกิดความร้อนเกินกำหนด
- ควรชาร์จแบตเตอรี่เมื่อเหลือประมาณ 20% ถึง 30% เพื่อรักษาความสมดุลของแบตเตอรี่และยืดอายุการใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการปล่อยให้แบตเตอรี่หมดไปจนถึง 0% เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

2. ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ตลอดเวลา
การชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% บ่อย ๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ซึ่งส่งผลต่ออายุการใช้งาน
- แนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่ในช่วง 20% ถึง 80% เพื่อลดการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
- การชาร์จเต็ม 100% ควรทำแค่ในบางกรณี เช่น เมื่อคุณต้องการออกเดินทางระยะไกล

3. หลีกเลี่ยงการชาร์จในที่ร้อน
อุณหภูมิสูงอาจทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักเกินไปและลดประสิทธิภาพในการใช้งาน
- ควรหลีกเลี่ยงการจอดรถและชาร์จในที่ที่มีอุณหภูมิสูง เช่น การจอดกลางแดดจัด
- ควรเลือกที่จอดรถในที่ร่มหรือในที่มีการระบายความร้อนดี เพื่อให้การชาร์จและการทำงานของแบตเตอรี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. รักษาระดับแบตเตอรี่ในระดับที่เหมาะสมเมื่อไม่ใช้งาน
หากคุณต้องจอดรถไว้ไม่ใช้งานเป็นระยะเวลานาน ควรคำนึงถึงระดับแบตเตอรี่ด้วย
- ควรรักษาระดับแบตเตอรี่ไว้ในระดับ 30% ถึง 50% หากจอดรถไว้นาน
- การทิ้งแบตเตอรี่ให้เหลือน้อยเกินไปหรือเต็มเกินไปอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติ

คำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลรถ EV ในสภาวะน้ำท่วม
การดูแลรถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงแค่เรื่องการชาร์จและการดูแลแบตเตอรี่ แต่ยังรวมถึงการขับขี่ในสภาวะที่อาจมีน้ำท่วมขัง เช่น ช่วงฤดูฝน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากน้ำท่วมที่อาจทำให้รถเสียหาย
- หลีกเลี่ยงการขับขี่บนถนนที่น้ำท่วม – ถึงแม้รถ EV จะมีมาตรฐานการป้องกันน้ำ (IP67) แต่การขับขี่ในน้ำท่วมยังสามารถทำให้ระบบไฟฟ้าภายในรถได้รับความเสียหาย
- ใช้ความเร็วต่ำ – หากต้องขับผ่านพื้นที่น้ำท่วม ควรใช้ความเร็วต่ำเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายจากน้ำท่วม
- ปิดแอร์ – ปิดระบบแอร์เพื่อลดการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่และป้องกันน้ำเข้าสู่ระบบแอร์
- ตรวจสอบเศษขยะ – หลังจากขับผ่านน้ำท่วม ควรตรวจสอบว่าเศษขยะหรือใบไม้ติดที่ใต้รถหรือไม่
- เช็คเบรก – หลังจากขับผ่านน้ำท่วม ควรเหยียบเบรกเพื่อล้างน้ำออกจากเบรกก่อนเข้าบ้าน
สรุป
การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และทำให้รถของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุดในระยะยาว การปฏิบัติตามเคล็ดลับข้างต้น เช่น การชาร์จแบตเตอรี่ให้เหมาะสมและการดูแลรักษาในสภาพอากาศต่าง ๆ จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าของคุณพร้อมใช้งานได้อย่างยาวนานและประหยัดค่าใช้จ่าย