เมื่อคุณบิดกุญแจหรือกดปุ่ม Start รถ สัญญาณไฟต่าง ๆ บนหน้าปัดจะติดขึ้นชั่วครู่เพื่อแสดงสถานะระบบต่าง ๆ ในรถ หากทุกอย่างปกติ ไฟจะดับไปในไม่กี่วินาที แต่หาก มีไฟเตือนบางจุดไม่ดับ หรือขึ้นค้างไว้ นั่นคือสัญญาณว่ารถของคุณอาจมีปัญหา!
เรารวบรวม 6 ไฟเตือนที่ผู้ขับขี่ควรรู้ เพื่อป้องกันอันตราย และดูแลรถได้ก่อนเสียหายรุนแรง

ลักษณะ: ไฟเตือนรูปเทอร์โมมิเตอร์บนคลื่นน้ำ
ความหมาย: เครื่องยนต์ร้อนเกินไป อาจเกิดจากหม้อน้ำรั่ว, พัดลมระบายความร้อนเสีย หรือปั๊มน้ำทำงานผิดปกติ
ควรทำ: รีบจอดรถในที่ปลอดภัย ดับเครื่อง และรอให้เย็นก่อนตรวจสอบน้ำหล่อเย็น

ลักษณะ: รูปกาน้ำมัน
ความหมาย: แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำกว่ามาตรฐาน อาจเกิดจากน้ำมันเครื่องขาด, เสื่อมคุณภาพ หรือมีการรั่วซึม
ควรทำ: หยุดรถทันที ตรวจเช็กระดับน้ำมันเครื่อง และเติมหากจำเป็น

ลักษณะ: วงกลมมีเครื่องหมายตกใจ หรือคำว่า “BRAKE”
ความหมาย: เบรกมือยังไม่ถูกปลด หรือระบบเบรกหลักมีปัญหา เช่น ผ้าเบรกหมด, น้ำมันเบรกต่ำ
ควรทำ: ตรวจสอบการปลดเบรกมือ หากยังขึ้นอยู่ให้ตรวจที่ศูนย์บริการทันที

ลักษณะ: ตัวอักษร ABS ในวงกลม
ความหมาย: ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกทำงานผิดปกติ รถยังขับได้แต่ระบบ ABS จะไม่ทำงาน
ควรทำ: เข้าตรวจสอบกับศูนย์บริการ เพราะหากฝนตกถนนลื่น ระบบนี้สำคัญมาก
ลักษณะ: รูปร่างเครื่องยนต์
ความหมาย: มีปัญหาในระบบเครื่องยนต์หรือเซ็นเซอร์ เช่น ระบบไอเสีย, หัวฉีด, การเผาไหม้
ควรทำ: รีบตรวจสอบหรือให้ช่างเสียบเครื่องวิเคราะห์ปัญหา เพื่อไม่ให้เครื่องยนต์เสียหายหนัก

ลักษณะ: สัญลักษณ์แบตเตอรี่
ความหมาย: แสดงว่าไดชาร์จหรือระบบจ่ายไฟมีปัญหา แบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บไฟได้
ควรทำ: รีบไปให้ช่างตรวจระบบชาร์จ เพราะหากปล่อยไว้อาจทำให้รถดับกลางทาง