รู้หรือไม่? ระบบกันขโมยกับเซ็นทรัลล็อค ต่างกัน
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า การมีรีโมทเปิด-ปิดรถยนต์ คือการมีระบบกันขโมย แต่ในความเป็นจริงแล้ว “ระบบเซ็นทรัลล็อก” และ “ระบบกันขโมย” คือสองระบบที่แยกจากกันโดยสิ้นเชิง และมีหน้าที่ต่างกันอย่างชัดเจน

ความแตกต่างระหว่างเซ็นทรัลล็อกกับระบบกันขโมย
รายการ เซ็นทรัลล็อก ระบบกันขโมย (Immobilizer)
หน้าที่ ล็อก-ปลดล็อกประตู ป้องกันการสตาร์ทรถด้วยกุญแจที่ไม่ใช่ของแท้
อุปกรณ์ควบคุม รีโมทกุญแจ ชิปฝังในกุญแจ + ตัวรับสัญญาณในรถ
การทำงาน กดปุ่มรีโมทเพื่อเปิด/ปิดประตู รถจะสตาร์ทได้เฉพาะเมื่อชิปส่งรหัสตรงกับ ECU ความปลอดภัย ป้องกันการเปิดประตู ป้องกันการขโมยรถทั้งคัน

ระบบกันขโมย Immobilizer คืออะไร?
- คือระบบที่ฝัง ชิปอิเล็กทรอนิกส์ (Transponder) ไว้ในกุญแจรถ
- เมื่อนำกุญแจมาเสียบ ระบบจะตรวจสอบว่า “รหัสตรงกับที่โปรแกรมไว้ใน ECU หรือไม่”
- หากรหัส ตรงกัน รถจะสตาร์ทได้
- หากรหัส ไม่ตรงกัน แม้จะไขกุญแจหรือบิดได้ เครื่องยนต์ก็จะไม่ทำงาน

ข้อดี:
- ป้องกันการสตาร์ทด้วยกุญแจปลอม
- ยากต่อการก๊อบปี้หรือสแกน
- รถที่มี Immobilizer จะถูกขโมยยากกว่ารถที่มีแค่เซ็นทรัลล็อก
รีโมทกุญแจรถยนต์ทำอะไรได้บ้าง?
- ใช้เปิด-ปิดประตู (เฉพาะเซ็นทรัลล็อก)
- ไม่สามารถสั่งสตาร์ทรถได้
- หากก๊อปปี้รีโมทได้ จะใช้ได้เพียงเปิดประตู ไม่สามารถขับรถหนีได้หากไม่มีชิปรหัส
วิธีเช็กว่ารถของคุณมีระบบกันขโมยหรือไม่?
- ดูในคู่มือรถ – หากระบุว่ามี Immobilizer System แสดงว่ามีระบบนี้
- สังเกตสัญลักษณ์รูปกุญแจหรือไฟแจ้งเตือนรูป "รถล็อก" กระพริบที่หน้าปัดเมื่อดับเครื่อง
- ถามตัวแทนจำหน่าย หรือลองใช้กุญแจปลอม (ทดสอบในที่ปลอดภัยเท่านั้น)
สรุป
- การมีรีโมทไม่ได้หมายความว่ารถคุณมีระบบกันขโมย
- เซ็นทรัลล็อกช่วยแค่เปิด-ปิดประตู
- หากต้องการความปลอดภัยที่แท้จริง ต้องมีระบบ Immobilizer หรือกันขโมยเต็มรูปแบบ
วิธีการใช้บริการ 24Carfix
1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน: สามารถดาวน์โหลด แอปพลิเคชัน 24Carfix ได้ทั้งในระบบ iOS และ Android
2. ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบ: ลงทะเบียนและเข้าสู่ระบบเพื่อใช้บริการ
3. เรียกช่างซ่อมรถ: เลือกบริการื่ต้องการและระบุปัญหาที่พบเจอ จากนั้นกดเรียกช่าง
4. รอช่างมาถึงที่: ช่างจะมาถึงที่ภายในเวลาอันรวดเร็ว และดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ท่านทันที
ติดตามอัปเดตข่าวสาร 24 Carfix ซ่อมรถถึงที่ 24 ชม.